MB&F เผยโฉม Legacy Machine N°2 ที่มาในตัวเรือนแพลลาเดียม

ในโอกาสร่วมเฉลิมฉลองให้กับหนึ่งทศวรรษนับตั้งแต่การเปิดตัวของ   Legacy Machine N° 2  MB&F ได้รังสรรค์สัญญาณแห่งนวัตกรรมเครื่องบอกเวลาผ่านความงดงามของโลหะเลอค่า แอลเอ็ม2 (LM2) หวนกลับมาอีกครั้งภายในตัวเรือนแพลลาเดียมใหม่ พร้อมถ่ายทอดเสน่ห์ของหน้าปัดซันเรย์ (sunray) สีอความารีนอันงดงาม ซึ่งผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 18 เรือน

MB&F’s Legacy Machines นับเป็นเครื่องแสดงความเชิดชูที่  Maximilian Büsser มีต่อเครื่องบอกเวลาตามสไตล์ดั้งเดิม ที่เขาได้จินตนาการถึงประเภทของเครื่องบอกเวลาที่เขาอาจจะสร้างสรรค์ขึ้นได้หากเกิดเมื่อ 100 ปีก่อนหน้านี้ นาฬิกาอันล้ำเลิศ คือ นิยามบทใหม่ในภาพลักษณ์อันร่วมสมัยของการประดิษฐ์เครื่องบอกเวลาอันโดดเด่น โดยช่างนาฬิกาผู้ยิ่งใหญ่แห่งประวัติศาสตร์

Legacy Machine N°2 โดดเด่นด้วยกลไกล้ำเลิศที่วางขนาบคู่กันในสองด้าน หากมองเพียงผิวเผิน Legacy Machine N°2 อาจจะดูเหมือนกับนาฬิกาทรงกลมตามขนบทั่วไป แต่ด้วยความโดดเด่นของโครงสร้างสถาปัตยกรรมแบบสามมิติที่นำเสนอการจัดวางองค์ประกอบผ่านการเล่นหลายระดับ สิ่งที่มองเห็นในชั่วพริบตาแรกบนหน้าปัดหลักนั้น แท้จริงแล้วคือแท่นหรือแผ่นบนสุดของกลไก ยกระดับให้สูงขึ้นเล็กน้อยเหนือพื้นผิว คือ หน้าปัดย่อยแสดงชั่วโมง-นาที โดยสีขาวบริสุทธิ์ของหน้าปัดแล็กเกอร์ที่ยืดขยายออก ตัดกันอย่างลุ่มลึกกับเข็มชี้สีน้ำเงินสว่าง ที่มีความโค้งเล็กน้อยไปตามพื้นผิวโค้งนูนของหน้าปัดย่อย ขับเน้นความงดงามของหน้าปัดด้วยเรกูเรเตอร์คู่อันแสนชาญฉลาด ที่แขวนลอยอย่างวิจิตรไว้ด้วยฟลายอิ้งบาลานซ์สองตัว ที่มาพร้อม Breguet overcoils และผนวกกันด้วยเฟืองท้าย

เมื่อเปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 2013 เลกาซี แมชชีน นัมเบอร์ 2 นับเป็นหนึ่งในเรือนเวลาที่แสดงถึงความล้ำหน้าที่สุดของการประดิษฐ์นาฬิกาตามประเพณีดั้งเดิมในท้องตลาด ทว่าถ่ายทอดเอกลักษณ์เฉพาะตัวผ่านฟลายอิ้งบาลานซ์คู่ (dual flying balances) ซึ่งแขวนลอยสูงอยู่เหนือหน้าปัดจากก้านโค้งอันสง่างามทั้งสี่ด้าน ที่แท้จริงแล้วเป็นการย้อนหวนคืนสู่เส้นทางกว่า 250 ปีแห่งการสร้างสรรค์ของเหล่าช่างนาฬิกาผู้ยิ่งใหญ่ระดับตำนานสูงสุด ทั้ง Abraham-Louis Breguet, Ferdinand Berthoud และ Antide Janvier เรกูเรเตอร์คู่กลับมาอีกครั้งโดย Philippe Dufour  ช่างนาฬิกาผู้โด่งดังจากการสร้างสรรค์ผลงาน Duality ของเขา อันเป็นนาฬิกาข้อมือรุ่นแรกซึ่งบรรจุด้วยบาลานซ์วีลสองตัวและผนวกโดยเฟืองท้าย และนั่นเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจที่ก่อให้เกิดการสร้างสรรค์ LM2

สะท้อนความเป็นเลิศตั้งแต่วิสัยทัศน์ไปจนถึงการตกแต่งอย่างวิจิตร

กลไกของ Legacy Machine No.2 ได้รับการพัฒนาสู่คุณสมบัติเฉพาะตัวของ MB&F โดยฝีมือของช่างนาฬิกาผู้ครอบครองรางวัลอันทรงเกียรติมาแล้ว อย่าง Jean-François Mojon เจ้าของรางวัลช่างนาฬิกายอดเยี่ยม (Best Watchmaker) ในงาน Grand Prix d’Horlogerie de Genève ปี ค.ศ. 2010 และทีมของเขา ณ โครโนด (Chronode) ทั้งยังมีช่างนาฬิกาอิสระผู้มีชื่อเสียง Kari Voutilainen มาร่วมตอกย้ำความมั่นใจได้ถึงสไตล์อันงดงามประณีตของกลไกที่สืบทอดอย่างต่อเนื่องด้วยความโดดเด่นของเครื่องบอกเวลาตามประเพณีคุณภาพระดับสูงแห่งศตวรรษที่ 19 พร้อมทั้งสร้างคุณสมบัติเฉพาะให้กับการตกแต่งด้วยมือชั้นยอด

ลวดลายคลื่นเจนีวา (Geneva waves) อันงดงามบริสุทธิ์ ผสมผสานเข้ากับชาตอง (chatons) ทอง รวมถึงขอบมุมและสะพานจักรขัดเงาดุจกระจกที่ออกแบบขึ้นด้วยมุมด้านในขัดลบมุมอย่างสวยงามประณีต ได้ร่วมถ่ายทอดถึงการตกแต่งชั้นเลิศของกลไก มากไปกว่านั้นในรุ่นแพลลาเดียม (Palladium edition) ใหม่ยังนำเสนอการตกแต่งด้วย เอ็นเอซี (NAC) ใหม่ในสีแอนทราไซต์อันลุ่มลึก เพื่อมอบบุคลิกที่โดดเด่นเหนือกว่าให้กับเรือนเวลาอันแสนล้ำค่า ต่อเนื่องด้วยจิตวิญญาณแห่งความโปร่งใสของ MB&F ที่ชื่อของทั้งสองบุรุษผู้รับผิดชอบการสร้างสรรค์กลไกนี้ยังได้ถูกแกะสลักด้วยมือไว้บนด้านหลัง

ค้นพบ MB&F Legacy Machines ที่ PMT The Hour Glass