







หน้าปัดสีแดงออมเบร
หน้าปัดออมเบรได้เผยให้เห็นการผันเปลี่ยนอันละเอียดอ่อนจากสีสว่างตรงกลางหน้าปัดไปสู่สีดำมืดตรงขอบ หน้าปัดนี้ได้แสดงถึงความต่อเนื่องของดีไซน์ที่ Rolex เปิดตัวในช่วงปี 1980 และเปิดตัวอีกครั้งในปี 2019 การผลิตหน้าปัดที่มีการไล่ระดับสีมายังจุดศูนย์กลางมีความสัมพันธ์กับการลงเคลือบเงาสีดำ ซึ่งอาศัยการทำงานที่ประณีตของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่มีหน้าที่ในการจัดการดูแลเพื่อให้มั่นใจได้ว่าการไล่สีจากสีโทนสว่างไปยังสีโทนมืดจะออกมางดงามกลมกลืน


ขอบตัวเรือนประดับเพชร
ช่างประดับอัญมณีเสมือนดั่งนักประติมากรรมผู้สลักเสลาโลหะมีค่า เพื่อเป็นฐานรองรับอัญมณีแต่ละชิ้นที่ได้รับการจัดเรียงด้วยความบรรจงของชิ้นงานที่สมบูรณ์แบบ ด้วยทักษะทางศิลปะและฝีมือของช่างทำอัญมณี หินมีค่าเหล่านี้จะถูกจัดเรียงด้วยความพิถีพิถันและยึดไว้อย่างแน่นหนาเข้ากับวัสดุทองคำหรือแพลทินัม นอกจากคุณสมบัติที่มีอยู่ตามธรรมชาติของอัญมณีแล้ว หลักเกณฑ์อื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มความงามจากการจัดเรียงอัญมณีของ Rolex ประกอบด้วยการจัดเรียงความสูงของอัญมณีด้วยความแม่นยำ ทั้งตำแหน่งและระดับ ความสม่ำเสมอ ความแข็งแรงและสัดส่วนในการจัดเรียง รวมถึงความประณีตในการตกแต่งชิ้นงานโลหะขั้นตอนสุดท้าย องค์ประกอบเหล่านี้ช่วยสร้างสรรค์ความงดงามเป็นประกายเพื่อเพิ่มเสน่ห์ให้แก่เรือนเวลาและผู้สวมใส่


ทองคำ 18 กะรัต
Rolex สามารถหล่อโกลด์อัลลอย 18 กะรัตที่มีคุณภาพสูงสุดได้อย่างเหนือชั้น เพราะทางแบรนด์มีโรงหล่อเฉพาะของตัวเอง การเติมเงิน ทองแดง แพลทินัม หรือพาลาเดียมตามสัดส่วนต่างๆ ทำให้ได้มาซึ่งทอง 18 กะรัตหลากหลายประเภท เช่น ทองคำ ทองคำขาว และ Everose gold โดยจะผลิตจากโลหะที่มีความบริสุทธิ์มากที่สุดเพียงเท่านั้น และผ่านการตรวจสอบภายในห้องปฏิบัติการของ Rolex อย่างพิถีพิถันด้วยเครื่องมือทันสมัย ก่อนที่จะมีการหล่อและขึ้นรูปทองคำด้วยความใส่ใจในทุกขั้นตอน เพราะปณิธานอันมุ่งมั่นของ Rolex เพื่อความเป็นเลิศนั้นเริ่มต้นนับตั้งแต่แหล่งกำเนิด


รุ่นที่วางจำหน่าย

